1. ซื้อแล้วถือไว้
ผู้ซื้อมักเลือกซื้อที่ดินเปล่าเก็บไว้ขายเมื่อต้องการใช้เงินจริงๆ หรือมอบให้ลูกหลานเป็นมรดก เหมาะกับคนที่ไม่เน้นการซื้อเก็งกำไร และไม่ต้องการเสียภาษีกำไรจากการขาย ทางที่ดีควรพยายามซื้อให้ได้ต่ำกว่าราคาตลาดตั้งแต่แรก และซื้อโดยยึดกฎ 77 คือซื้อที่ดินไม่น้อยกว่า 7 แปลงและถือครองไว้อย่างน้อย 7 ปีก่อนขาย แต่กลยุทธ์นี้ก็มีข้อเสียเหมือนกัน เพราะธนาคารไม่ค่อยปล่อยกู้ให้ ต้องลงทุนจ่ายเงินส่วนตัวไปก่อน
2. ซื้อแล้วปล่อยเช่า
วิธีนี้นิยมมากที่สุด และเหมาะที่สุดสำหรับการลงทุนกับบ้านหรือคอนโด เพราะปล่อยเช่าง่าย ได้ค่าเช่าดี สร้างกระแสรายได้และผลตอบแทนต่อปีที่น่าพอใจกว่าการปล่อยเช่าที่ดิน แต่ทำเลต้องน่าสนใจ รวมทั้งปล่อยเช่าในราคาที่สมเหตุสมผลด้วยนะคะ
3. ซื้อแล้วขาย
กลยุทธ์นี้รู้จักกันในชื่อ “ฟลิป (Flip)” เป็นการซื้ออสังหาริมทรัพย์ไว้ก่อนในราคาต่ำกว่าความเป็นจริง ตกแต่งหรือบำรุงรักษาเล็กน้อยเพื่ออัพราคา แล้วรีบขายต่อทันทีเพื่อเก็งกำไร เหมาะกับช่วงตลาดอสังหาริมทรัพย์ขาขึ้น และควรนำไปใช้ลงทุนกับคอนโดหรือโครงการที่เปิดขายก่อนสร้างเสร็จ เพราะลงทุนไม่สูง แถมไม่ต้องเสียค่าโอนกับภาษีต่างๆ
4. ซื้อแล้วยกเครื่องใหม่ หรือที่เรียกว่ารีโนเวท
นิยมใช้กับบ้านหรืออาคารเก่า ทรุดโทรม แต่อยู่ในทำเลดี วิธีคล้ายกับการซื้อแล้วขาย แต่ผู้ซื้อต้องลงทุนซ่อมแซม และตกแต่งอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อมาให้ดูดีเหมือนใหม่ก่อนขาย ส่วนใหญ่มักเลือกปรับซ่อมห้องน้ำห้องครัวที่เป็นจุดสนใจหลักของผู้ซื้อต่อ และพยายามทำให้เสร็จเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
5. รีไฟแนนซ์
วัตถุประสงค์หลักของการรีไฟแนนซ์คือการกู้หนี้ใหม่ไปชำระหนี้เดิม ดอกเบี้ยถูกลง ประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น แต่นักลงทุนที่มีฝีมือจะเพิ่มผลกำไรให้ตัวเองด้วยการรีไฟแนนซ์ให้ดอกเบี้ยคง ที่มาเป็นดอกเบี้ยลอยตัวเมื่อทิศทางดอกเบี้ยมีแน้วโน้มลดต่ำลง หรือรีไฟแนนซ์ให้ดอกเบี้ยลอยตัวเป็นดอกเบี้ยคงที่เมื่อดอกเบี้ยมีท่าทีเพิ่ม สูงขึ้น
6. ซื้อสัญญา
ออพชั่นลีส ออพชั่น (Lease Option) คือสัญญาที่วางเงินไว้ก่อนเพื่อให้ได้สิทธิ์เป็นเจ้าของ มีสิทธิ์ซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ในราคาและระยะเวลาตามที่สัญญากำหนด แม้ยังไม่ได้โอนซื้อกันจริงๆ ผู้ลงทุนด้วยวิธีนี้จะทำกำไรด้วยการขายทรัพย์สินก่อนสัญญาจะครบกำหนดโอน
7. ซื้อแล้วให้เช่าซื้อต่อ
ผู้ลงทุนใช้การขายอสังหาริมทรัพย์แบบเช่าซื้อให้ผู้มีปัญหาเครดิตหรือกู้ ซื้อบ้านกับธนาคารไม่ผ่านเพราะขาดคุณสมบัติ คิดอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าธนาคารเล็กน้อย และเมื่อเช่าซื้อไป 3 – 5 ปีจึงปล่อยให้ผู้เช่าซื้อทำเรื่องกู้ซื้อจากธนาคารอีกครั้ง แต่การลงทุนนี้มีความเสี่ยงสูง เพราะอาจมีปัญหาตามมา เป็นต้นว่าธนาคารไม่อนุมัติให้กู้ซื้อ
8. ซื้อทรัพย์สินที่ขายทอดตลาด
บางครั้งการหาซื้อบ้าน คอนโด หรืออาคารอื่นๆ ที่นำมาขายทอดตลาดก็อาจมีโชค เจออสังหาริมทรัพย์ดีๆ ได้อย่างไม่เชื่อ แต่ที่ที่ทำเลดี ราคาต่ำกว่าตลาดมักมีน้อย ใครไวกว่าก็ซื้อไว้ทำกำไรได้มากกว่า
8 วิธีดังกล่าวเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น การลงทุนในเรื่องใดๆ ควรศึกษาในเรื่องตลาด ผลิตภัณฑ์ แนวโน้มของเศรษฐกิจ การเมือง ที่อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนได้
Editor by : ฤทธิ์ษณะ น้อยกมล
แหล่งอ้างอิง : นิตยสาร บ้านพร้อมอยู่ และ Home.co.th
บทความอื่นๆน่าสนใจ
- 8 ยอดกลยุทธ์ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์- วิธีการตรวจรับห้องคอนโด อย่างง่าย
- ทุกวันนี้เราต้องเสียภาษีอะไรกันบ้าง
- ผ่อนสั้นหรือผ่อนยาว สำหรับซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียม อันไหนดีกว่ากัน
- สวนกระถาง สวนเล็กๆ ในบ้านให้ความสดใสให้กับชีวิต
- 10 ค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมสำหรับการซื้อบ้านและคอนโด
- ไอเดียแต่งสวนสวยด้วยหญ้าเทียม
- การเลือกใช้สีตามหลักภูมิปัญญาจีน
- การตกแต่งสไตล์ minimalist
- ตกแต่งบ้านหรือคอนโดหลังแรก
- ตกแต่งคอนโดด้วยสวนแคนตัส
- 7 เคล็ดลับขยายพื้นที่บ้าน ด้วยการตกแต่ง
- ตกแต่งบ้านด้วยสวนในร่ม
- โทนสีขาวดำ เท่อย่างมีสไตล์
- จัดห้องรับแขกในคอนโดให้ถูกหลักฮวงจุ้ย
- ทำความสะอาดห้องครัวในคอนโดให้แจ่ม
- แต่งห้องนั่งเล่นสุดชิคด้วยสติ๊กเกอร์ติดผนัง
- DIY ห้องทานข้าวสีทึมให้ดูสวยสดใส
- เลือกของแต่งคอนโดมิเนียม ตามหลักฮวงจุ้ย
- เคล็ดลับจัดตู้เสื้อผ้าให้เป็นระเบียบ
- หมอนอิงของกินแบบต่างๆ มาเสริมสร้างบรรยากาศในคอนโดมิเนียม
- เลือกทำเลซื้อบ้าน - คอนโด ฯ อย่างไรให้รวย
- แผงปุ่มไม้กะทัดรัด แขวนของได้สารพัด
- 4 เคล็ดลับ ทำให้คอนโดหอมสดชื่น
- 10 วิธี นอนหลับสบายๆ ในคอนโดช่วงหน้าร้อนโดยไม่ต้องเปิดแอร์
- 8 เคล็บลับน่ารู้ ที่ช่วยคุณดูแลรักษาตู้เย็นในคอนโด
- ตกแต่งคอนโดสไตล์วินเทจ
- มุมนั่งเล่นในคอนโด ที่จะทำให้เราผ่อนคลาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น