เมื่อวันเวลาเปลี่ยน ชีวิตเปลี่ยน
ไม่เว้นแม้แต่ บ้านหรือคอนโดมิเนียม ของเรา
ที่ต้องขายไปเพื่อความเหมาะสมของพื้นที่ใช้สอย หรือ
ทำเลที่ตั้งที่เหมาะสมของการทำงานหรือความสะดวกในการคมนาคม

ไม่
ว่าใครที่กำลังขายบ้านหรือคอนโดมิเนียมย่อมต้องอยากขายบ้านหรือคอนโดมิเนียม
ให้เร็วที่สุดและราคาดีที่สุดไปพร้อมๆ กัน
แต่ไม่ว่าอย่างไรการขายบ้านหรือคอนโดมิเนียม
ย่อมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นทำเลที่กำลังเป็นที่นิยมหรือ
สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการอยู่อาศัย
ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้
แต่อีกสิ่งที่จะช่วยทำให้บ้านหรือคอนโดมิเนียมขายได้ราคา
และเป็นสิ่งที่สามารถลงมือทำเองได้คือ “การปรับปรุงซ่อมแซมก่อนขาย”
ที่หลายคนชอบมองข้ามเรื่องนี้ไป
ซึ่งคงไม่มีใครอยากจะซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมที่มีตำหนิหรือหากลูกค้าสนใจ
ก็จะถูกต่อรองจนราคาต่ำวันนี้ CMC Group
ขอแนะนำเทคนิคในการซ่อมแซมบ้านหรือคอนโดมิเนียมเพื่อให้ขายได้ราคาดังนี้
1. สภาพภายนอกน่ามอง
ความประทับใจแรกของผู้มาซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมคือสภาพหน้าบ้านที่น่ามอง
ตรวจดูสภาพโดยรอบว่าสีภายนอกหลุดล่อนหรือซีดจนไม่น่ามองหรือไม่
ควรทาสีให้ใหม่และดูดี
เพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้ซื้อเมื่อเข้ามาชมบ้านหรือคอนโดมิเนียม
2. ปรับปรุงห้องครัว
นับว่าเป็นห้องที่มีการใช้งานหนักที่สุดของบ้านหรือคอนโดมิเนียมก็ว่าได้
เพราะทุกบ้านหรือคอนโดมิเนียมก็ต้องทำกับข้าว
เตรียมอาหารกันในห้องนี้ซึ่งต้องมีการเลอะเทอะหรือบางทีอาจจะมีกลิ่นไม่พึง
ประสงค์ติดอยู่ด้วย เช่น
คราบน้ำมันตามผนังหรือร่องรอยการชำรุดทรุดโทรมจากการใช้งาน
ดังนั้นห้องครัวจึงเป็นอันดับต้นๆที่เจ้าของบ้านหรือคอนโดมิเนียมควรปรับ
ปรุงให้อยู่ในสภาพการใช้งานที่ดี เช่น อ่างล้างจาน, ท่อระบายน้ำ เป็นต้น
3. ตกแต่งห้องน้ำ
ห้องน้ำเองก็ถือเป็นห้องสำคัญสำหรับสมาชิกภายในบ้านหรือคอนโดมิเนียม
ที่ต้องมีการใช้งานกันอยู่ทุกวัน
การตกแต่งห้องน้ำให้มีชีวิตชีวาและน่าใช้จะเป็นอีกจุดหนึ่งที่ช่วยให้สร้าง
ความประทับให้กับผู้ซื้อมากขึ้น แต่ควรเป็นการตกแต่งเล็กๆน้อยๆ
ให้ห้องน้ำดูไม่เก่าและจืดชืดจนเกินไป เช่น ทาสีให้ดูใหม่,
วางต้นไม้สีเขียว
หรือการวางน้ำยาดับกลิ่นไว้ในห้องน้ำก็จะช่วยให้ห้องน้ำมีชีวิตชีวามากยิ่ง
ขึ้น
4. เน้นซ่อม ไม่เน้นเปลี่ยน
หลายสิ่งในบ้านหรือคอนโดมิเนียมแม้จะมีสภาพทรุดโทรมไม่น่ามอง
แต่วิธีที่ดีที่สุดคือการ “ซ่อม” ไม่ใช่การ “เปลี่ยน”
เพราะท่านแค่ต้องการซ่อมเพื่อให้มันดูดีเท่านั้น
แต่ไม่ใช่การเปลี่ยนใหม่ที่เพิ่มภาระค่าใช้จ่ายขึ้นมา
เพราะดีไม่ดีแม้จะสามารถขายบ้านหรือคอนโดมิเนียมได้ราคาสูงขึ้น
แต่ก็ยังได้กำไรน้อยอยู่ดีเพราะหมดไปกับค่าซ่อมแซมนั่นเอง
5.
ทิ้งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ชำรุด บางคนอาจจะมองว่าไหนๆ
ก็จะขายบ้านหรือคอนโดมิเนียมแล้ว
แถมเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าๆไปกับบ้านหรือคอนโดมิเนียมด้วยก็ไม่เสียหายอะไร
แต่จริงๆ แล้วนี่จะเป็นตัวกดราคาบ้านหรือคอนโดมิเนียมของให้ดูถูกลง
เพราะของชำรุดที่แทบใช้งานไม่ได้ก็ไม่ต่างอะไรกับขยะชิ้นหนึ่งที่เก็บไว้ใน
บ้าน
6. ตรวจสอบระบบประปา ไฟฟ้า
เป็นเรื่องพื้นฐานของบ้านหรือคอนโดมิเนียมทุกหลังที่ต้องมีการใช้งานไฟฟ้า
และประปา
และจะสังเกตุได้ว่าทุกครั้งที่ผู้ซื้อเข้ามาดูบ้านหรือคอนโดมิเนียม
ก็มักจะเปิดไฟและเปิดก๊อกน้ำเพื่อทดสอบดูว่าใช้งานได้หรือไม่
ดังนั้นต้องมั่นใจว่าไฟฟ้าและประปายังใช้งานได้เสมอ และไม่มีเหตุขัดข้อง
เช่น ไฟไม่ติด, น้ำรั่ว หรือน้ำไม่ไหล
เพราะแน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากซื้อบ้านที่ไฟเปิดไม่ติด
น้ำไม่ไหลหรือซื้อไปแล้วต้องคอยตามซ่อมแซมเอง
7.
อย่าแต่งบ้านให้มีเอกาลักษณ์เฉพาะตัวจนเกินไป
แม้จะชื่นชอบการแต่งบ้านในสไตล์ของตัวเองมากแค่ไหน
แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องขายบ้าน
ก็ต้องปรับเปลี่ยนบ้านให้อยู่ในสภาพกลางๆมากที่สุด เช่น
เดิมท่านแต่งบ้านในสไตล์ vintage หรือ country
แต่ผู้ซื้อบ้านอาจจะไม่ได้ชอบตามเสมอไป
บางคนอาจจะคิดว่าทำให้บ้านดูเก่าๆซีดๆ ไม่ได้ถูกใจมากเท่าไหร่นัก
ดังนั้นเมื่อท่านต้องขายบ้านทิ้ง
ก็ควรจะนำเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งออกไปด้วย
แม้จะมีว่าบ้านหลังหนึ่งต้องซ่อมแซมอย่างมากมายก่อนขายบ้าน
แต่สิ่งหนึ่งที่ท่านต้องคำนึงอยู่เสมอคือ
เงินทุกๆบาทที่เสียไปกับการซ่อมแซม
จะต้องสามารถเพิ่มเป็นราคาขายให้ได้มากที่สุด
และควรหาซ่อมด้วยงบที่น้อยที่สุด
เพื่อให้ได้มาซึ่งราคาที่เพิ่มขึ้นมากที่สุด
และเมื่อนั้นจะทำให้ท่านสามารถขายบ้านได้เร็วขึ้นและได้ราคาที่มากขึ้นตามไป
ด้วยนั่นเอง
เรียบเรียง : ฤทธิ์ษณะ น้อยกมล
ข้อมูล : TerraBKK.com / google.co.th
บทความอื่นๆน่าสนใจ