วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

การลงทุนในคอนโดมิเนียม ระยะสั้น หรือระยะยาว แบบไหนจะดีกว่ากัน

    การลงทุนในคอนโดมิเนียม สำหรับนักลงทุนรายใหม่ คงจะสงสัยว่าจะลงทุนแบบไหนจะดีกว่ากัน ทั้งระยะสั้น หรือระยะยาว 



http://4.bp.blogspot.com/-BFEeTQcGmyg/VacQOJ9Pd8I/AAAAAAAAA7o/hwzQLYUMN5U/s1600/58-07-16.jpg

การลงทุนระยะยาว

      เป็นการลงทุนเพื่อที่จะหวัง กระเเสเงินสด หรือ ค่าเช่า ดังนั้นคอนโดที่จะอยู่ในกลุ่มนี้ จะต้องมี ผลตอบเเทนค่าเช่าค่อนข้างดี และคนเช่าไม่ขาด จนเราอยากจะเก็บไว้นานๆ 

apartment-for-rent

วิธีดูคอนโด ที่จะเก็บไว้ต้องดูอะไรบ้างอ่า

    1. % ผลตอบเเทนจากค่าเช่า  ดูเลยควรจะมากกว่า 6% ขึ้นไป

    2. มีคนเช่าต่อเนื่อง ไม่ขาด ดูได้จาก อัตราการครองห้อง 80% ขึ้นไป และ ไม่ควรว่างเกิน 3 เดือน

     ส่วนใหญ่ การลงทุนระยะยาวนี้ ส่วนมาก จะเป็นคอนโดเก่า จะอยู่โซนที่มีคนเยอะเเต่ไม่ไช่ในทำเลที่เป็น beverly hill (โซนที่เจริญ คนรวยอยู่) 


    ข้อดี คือ มั่นคง คนถือไม่เครียด ถือยาวๆ ได้ยังไงก็ได้เงินค่าเช่าเป็นประจำสม่ำเสมอครับ 
    ข้อเสีย คือ ต้องดูเเลทั้งคนเช่า ทั้งสภาพห้อง จะจุกจิกเวลาทำสัญญาต่างๆ


การลงทุนระยะสั้น

     เป็นการลงทุนที่หวังส่วนต่างจากการขาย ดังนั้นคอนโดมิเนียมกลุ่มนี้ จะต้องมีความต้องการซื้อเยอะ เเละ อยู่ในเทรนขณะนั้น เรียกได้ว่าอยากขายเมื่อไหร่ก็ขายได้

main

สิ่งที่ต้องดูคือ

    1. คอนโดนั้นมีความ HOT มีคนต้องการสูง โดยดูจาก ทำเล ราคาขาย ตลาด เทรน

    2. ต้องซื้อให้ได้ราคาถูก อาจจะซื้อในราคาพรีเซล  ซื้อทรัพย์ที่มีปัญหา  หรือ ทรัพย์ประมูล

    3. ตบเเต่งให้เป็น ความสวยงามนี่ทำให้ทรัพย์มีราคาสูงขึ้น และขายง่ายด้วย

     การลงทุนเเบบนี้ต้องตาไว ข่าวสารต้องเป๊ะ เพื่อที่จะรู้และซื้อได้เร็วกว่าคนอื่น ส่วนใหญ่เเล้วจะเป็นคอนโดใหม่ ที่ได้รับความสนใจ จะซื้อใบจองมาขายก็ได้ หรือ จะขายตอนราคามันขึ้นไปก็ได้


    ข้อดี  หากเปลี่ยนมือได้รวดเร็ว  กำไรสูงกว่าระยะยาว 
    ข้อเสีย คือ มีความเสี่ยงกว่าระยะยาว มีโอกาสเปลี่ยมือได้ช้า เเละอาจขาดทุน


เรียบเรียง : ฤทธิ์ษณะ น้อยกมล
แหล่งข้อมูล : www.properth.com




บทความอื่นๆน่าสนใจ

วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

“มือใหม่” ซื้อบ้าน มักผิดพลาดในเรื่องใด

     สำหรับผู้ที่จะซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียม หลังแรก จะต้องศึกษาในข้อจำกัดต่างๆ ให้ดี เพราะอาจมีข้อผิดพลาดในด้านต่างๆ แต่จะมีข้อใดที่ผู้ซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียม มือใหม่จะต้องระวังควรจะมีอะไรบ้าง 

http://2.bp.blogspot.com/-OHe3EcThPFU/VaMcjqly6DI/AAAAAAAAA7U/9bOBGf4rZfQ/s1600/58-07-13.jpg


      1. ซื้อเกินงบ ส่วนใหญ่จะมองว่าเพิ่มเงินอีกนิดหน่อยก็จะได้หลัง/ห้องชุดที่ต้องการ  แต่ทางที่ถูกคือ มีงบเท่าไหร่ ควรซื้อเท่านั้น

     2. ตัดสินใจเร็วไป  เช่น เปลี่ยนที่ทำงานใหม่ก็ตัดสินใจซื้อบ้านใหม่ทันที ทั้งๆที่อาจอยู่ได้ไม่นานก็ต้องย้ายงานอีก หรือบางทีแค่ทำงานไม่ครบปีก็จะซื้อบ้านซื้อคอนโดฯ แล้ว ทางที่ดี ถ้าต้องอยู่อาศัยเป็นพักๆ ไม่แน่นอนก็อาจใช้วิธีลองเช่าดูก่อนแล้วค่อยซื้อ  หรือถ้าการงานยังไม่มั่นคง ทำงานเก็บเงินไปก่อนรอให้พร้อมแล้วค่อยซื้อ

      3. จ่ายดาวน์น้อยเกินไป หลายคนชอบความสบาย ใช้เงินคนอื่นซื้อ(กู้ธนาคาร)มากกว่าเก็บเงินซื้อเอง จึงมักเลือกที่จะดาวน์น้อยและกู้มากๆ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้กู้ไม่ผ่านหรือได้วงเงินกู้น้อยกว่าที่ต้องการ ทางที่ดีควรวางเงินดาวน์สัก 20%ของราคา

     4. ไม่ได้สำรองค่าใช้จ่าย ซื้อบ้านไม่ได้จ่ายแค่เงินตามมูลค่าบ้าน แต่จะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ มากมาย เช่น ค่าส่วนกลางล่วงหน้า,ค่าประกัน,ค่าโอน รวมถึงค่าตกแต่ง และของใช้

     5. มองข้ามรายละเอียดในสัญญา บ่อยครั้งที่เกิดปัญหาแล้วถึงค่อยกลับไปดู(อ่าน)สัญญา แต่ถึงตอนนั้นก็สายเกินไปเสียแล้ว  ฉะนั้น ก่อนเซ็นสัญญาทุกครั้งต้องอ่านอย่างละเอียด ถ้าเห็นว่า ถ้าไม่ถูกต้องหรือถูกเอาเปรียบก็ต้องให้แก้ไขหรือเลี่ยงไปซื้อโครงการอื่น

      6. ชอบอัพเกรดตัวเองด้วยสิ่งของใหม่ๆ คนจำนวนไม่น้อยนิยมอัพเกรดตัวเองด้วยการซื้อของใหม่ๆ หรือคิดว่าซื้อของใหม่ใช้ของใหม่แล้วชีวิตจะดูดีขึ้น เมื่อซื้อบ้านใหม่แล้ว ก็อยากได้รถคันใหม่ หรือเฟอร์นิเจอร์ใหม่ๆ ซึ่งจริงๆแล้วถ้าของเดิมดีอยู่แล้วก็ไม่จำเป็น เพราะรายได้ไม่มาก ไม่ควรแบกภาระหนี้มากเกินไป

เรียบเรียง : ฤทธิ์ษณะ น้อยกมล
แหล่งข้อมูล : .home.co.th



บทความอื่นๆน่าสนใจ

วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

7 ประเภทกระจกของอาคารชุด ที่ควรรู้

      ปัจจุบัน กระจก มีส่วนสำคัญในการออกแบบ  สำนักงาน บ้าน ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม กระจกไม่เพียงแค่เป็นตัวเสริมให้สำนักงาน บ้าน ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ให้ดูหรูมีมูลค่าเท่านั้น แต่ยังให้ ความรู้สึกถึงความโปร่ง ความสบาย ไม่อึดอัด และกระจกให้เลือกหลายรูปแบบบให้เหมาะกับการใช้งาน วันนี้  CMC Group รวบรวมกระจกประเภทต่างๆ ที่เหมาะกับ สำนักงาน บ้าน ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ดังนี้


1. กระจกแผ่น เป็นกระจกที่เราเห็นทั่วไป ไม่มีความซับซ้อน และมีความแข็งแรงต่ำ ฟองอากาศมาก ผิวกระจกเป็นรอยขูดขีดได้ง่าย เป็นรอยขูดขีด ผิวค่อนข้างขรุขระ เป็นคลื่น อาจจะมีบิดเบี้ยวบ้าง การนำไปใช้ส่วนใหญ่จะเป็นในลักษณะ เป็นกรอบรูป กระจกเงา และกระจกที่ใช้สำหรับเครื่องเรือน



     2. กระจกโฟลต (Float Glass) เป็นกระจกที่มีความโปร่งแสงสูง ผิวเรียบสนิท การสะท้อนสามารถทำได้ดี ฟองอากาศน้อยกว่า Sheet Glass การจัดเรียงของโมเลกุลภายในเนื้อกระจกทำได้ดีกว่าทำให้มีความแข็งแรงกว่า กระจก Float จึงแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือป็นรอยขูดขีด ผิวค่อนข้างขรุขระ เป็นคลื่น อาจจะมีบิดเบี้ยวบ้าง การนำไปใช้ส่วนใหญ่จะเป็นในลักษณะ เป็นกรอบรูป กระจกเงา และกระจกที่ใช้สำหรับเครื่องเรือนน (Sheet Glass) เป็นกระจกที่พบเห็นทั่วไป ไม่มีความซับซ้อน และมีความแข็งแรงต่ำ ฟองอากาศมาก ผิวกระจกเป็นรอยขูดขีดได้ง่าย

          กระจกโฟลตใส (Clear Float Glass) เป็นกระจกที่เกิดจากการหลอมของซิลิก้าสารประกอบต่างๆ กระจกประเภทนี้จะทำให้มีรอยต่อระหว่างกระจกน้อย สามารถนำไปใช้งานได้กับผนังภายนอก ผนังภายในอาคารได้ Clear Float Glass เหมาะกับการใช้งานประเภทแสดงสินค้า แต่อาจไม่เหมาะกับส่วนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว

          กระจกสี (Tinted Float Glass) มีการผสมออกไซด์ในเนื้อกระจกเพื่อให้เกิดสีสันแตกต่างกันไป เกิดความสวยงาม ช่วยลดความจ้าของแสงที่ส่งผ่านกระจกสีทำให้ได้แสงที่นุ่มนวลและเกิดความสบาย ตาในการมอง แต่ออกไซด์ที่ใส่เข้าไปจะอมความร้อนจึงแตกได้ง่ายสีของกระจกยังสามารถช่วย ตัดแสงที่จะส่องเข้ามาในตัวอาคาร ทำให้ประหยัดพลังงานภายในอาคารจึงเหมาะกับงานภายนอก




     3. กระจกกึ่งนิรภัย (Heat Strengthened Glass) เป็นการนำกระจก Clear Float Glass มาผ่านกระบวนการอบความร้อนและทำให้เย็นอย่างช้าๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของผิวกระจกและสามารถรับแรงได้มากกว่า 2-3 เท่า และเมื่อกระจกแตกจะมีลักษณะเป็นปากฉลามยึดติดอยู่กับกรอบไม่ร่วงหล่นเหมือน กระจกนิรภัยเทมเปอร์ (Tempered Safety Glass) จึงนิยมใช้ในการทำผนังภายนอก




     4. กระจกนิรภัยเทมเปอร์ (Tempered Glass) มีการผลิตจากกระจก Clear Float Glass แล้วนำมาอบความร้อนอีกครั้ง แล้วทำให้เย็นลงอย่างรวดเร็วโดยการเป่าลมเย็นทั้ง 2 ด้าน สามารถรับแรงได้มากกว่าถึง10 เท่า และยังสามารถดัดได้มากกว่าถึง 3 เท่า สามารถรับแรงอัดของลมได้ดี แต่ไม่สามารถทำการตัดหรือเจาะได้เนื่องจากทนต่อแรง Point Load ได้น้อย เมื่อแตกจะเป็นเม็ดเล็กคล้ายเมล็ดข้าวโพดและร่วงหล่นออกมาจากกรอบทั้งหมด เหมาะกับงาน ประตูกระจก ผนังกั้นอาบน้ำ (Shower Box) ผนังภายนอกอาคารสูงๆ และเหมาะสำหรับใช้งานในสภาพที่เสี่ยงต่อการกระทบกระแทก




     5. กระจกเคลือบผิว หรือกระจกสะท้อนแสง (Surface coated glass) เป็นการนำกระจก Clear Float Glass ไปปรับปรุงผิวด้วยการเคลือบออกไซด์ กระจกประเภทนี้จะมีความเงามันวาวกระจกในกลุ่มนี้จะประกอบไปด้วยกระจก 2 ชนิดได้แก่

         กระจกสะท้อนรังสีจากดวงอาทิตย์ (Solar Reflective Glass) เป็นกระจกเคลือบผิวออกไซด์ความโปร่งแสงต่ำคนภายนอกมองเข้ามาภายในลำบาก แต่คนภายในมองออกภายนอกได้ชัด สามารถสะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์ที่จะผ่านเข้าสู่อาคารได้ประมาณ 30% เป็นการลดภาระของระบบปรับอากาศ มักนิยมใช้กระจกประเภทนี้กับผนังภายนอกอาคาร

         กระจกแผ่รังสีต่ำ (Low-E Glass) คล้ายกับ Solar Reflective Glass โลหะที่ใช้เคลือบจะมีโลหะเงินบริสุทธิ์ช่วยให้สามารถถ่ายเทความร้อนได้ดี ลดปัญหาเรื่องกระจกแตกร้าวได้ดีกว่า Solar Reflective Glass แต่ Low-E ตัดแสงได้น้อยกว่า



     6. กระจกฉนวนความร้อน (Insulating Glass Units) คือ เป็นกระจกตั้งแต่ 2 แผ่นขึ้นไปมาประกบกัน โดยมี Aluminium Spacer ซึ่งบรรจุสารดูดความชื้นแล้วใส่ฉนวน เช่น อากาศแห้ง (Dried Air) หรือ ก๊าซเฉื่อย ไว้ภายในเพื่อให้มีคุณสมบัติในการเก็บรักษาอุณภูมิภายในได้ดีมาก (สามารถสะท้อนความร้อนได้ประมาณ 95%-98%) และไม่ทำให้เกิดฝ้าหรือหยดน้ำ แม้ว่าอุณหภูมิภายในกับภายนอกแตกต่างกันมาก การนำไปใช้งาน-กระจกประเภทนี้จะมุ่งเน้นการใช้งานไปในแนวทางการประหยัด พลังงานภายในอาคารและการใช้งานสำหรับอาคารเฉพาะทางเนื่องจากมีคุณสมบัติ คือ การยอมให้แสงผ่านเข้ามาภายในอาคารมากแต่ความร้อนที่จะผ่านกระจกเข้ามาน้อย มากจึงมักนิยมใช้สำหรับอาคารที่ต้องการควบคุมอุณภูมิให้คงที่ตลอดเวลาเช่น พิพิธภัณฑ์อาคารเก็บอาหารห้องเก็บไวน์เป็นต้น

http://terrabkk.com/wp-content/uploads/2015/07/Insu.png
http://terrabkk.com/wp-content/uploads/2015/07/21.png


 7. กระจกนิรภัยหลายชั้น (Laminated Safety Glass) คือ กระจกที่ประกอบไปด้วยกระจกตั้งแต่ 2 แผ่นขึ้นไปเช่นกัน มาประกบหรือติดด้วย PVB (Poly Vinyl Butyral) กระจกจะติดกับ PVB ไม่ร่วงหล่นจากกรอบ Laminated Safety Glass จึงเหมาะกับ ผนังภายนอกอาคารสูง ราวกันตก เป็นต้น ผู้ออกแบบสามารถเลือกชนิดของกระจกที่จะนำมาประกอบกันเพื่อให้ได้คุณสมบัติใน การลดความร้อนจากภายนอกอาคารที่จะเข้าสู่ภายในอาคารได้ตามต้องการ

http://terrabkk.com/wp-content/uploads/2015/07/laminated-glass.jpg


     กระจกแต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานทำให้การอยู่อาศัยดูไม่ร้อน และปลอดภัย มากยิ่งขึ้น ครับ



เรียบเรียง : ฤทธิ์ษณะ น้อยกมล
แหล่งข้อมูล : terrabkk.com,google.co.th






บทความอื่นๆน่าสนใจ
- 7 ประเภทกระจกของอาคารชุด ที่ควรรู้
- วิธีเดินสายไฟ ให้กลายเป็นงานศิลปะตกแต่งบ้าน
- The Cubitat กล่องสี่เหลี่ยมเอนกประสงค์
- เจาะลึก 8 กลยุทธ์ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ฮ็อตฮิตของโลก
- เลือกคอนโดฯ ใกล้รถไฟฟ้า ให้ถูกฮวงจุ้ย
-
วางแผนระบบพลังงานภายในบ้าน สิ่งที่จำเป็นที่ต้องจัดเตรียมล่วงหน้า
- 5 Gadget สุดฮิตที่จะเนรมิตรบ้านให้เป็น Smart Home
- แก้ปัญหาพื้นที่เล็กๆบนคอนโด
- 9 จุด เตรียมบ้านรับหน้าฝน
- 5 ข้อห้ามลืม ออกแบบห้องน้ำแคบให้ดูกว้าง ใช้สะดวกสบาย
- วิธีการคำนวณค่าเช่าคอนโดเพื่อเพิ่มตอบแทน
- 6 วิธี ตกแต่งห้องน้ำให้สดใส มีชีวิตชีวา
- 10 ไอเท็มบนโต๊ะทำงานที่คุณควรจะมี
- 8 ยอดกลยุทธ์ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
- วิธีการตรวจรับห้องคอนโด อย่างง่าย
- ทุกวันนี้เราต้องเสียภาษีอะไรกันบ้าง
- ผ่อนสั้นหรือผ่อนยาว สำหรับซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียม อันไหนดีกว่ากัน
- สวนกระถาง สวนเล็กๆ ในบ้านให้ความสดใสให้กับชีวิต
- 10 ค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมสำหรับการซื้อบ้านและคอนโด

วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

วิธีเดินสายไฟ ให้กลายเป็นงานศิลปะตกแต่งบ้าน

      บางครั้งการเดินสายไฟในบ้านหรือคอนโด เพิ่มเติมจากจุดเดิมที่มีอยู่อาจยุ่งยากลำบากใจ เพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้สายไฟที่เพิ่มเติมขึ้นมาใหม่ ไม่ให้รก เกะกะ หรือเดินสะดุด วันนี้ ขอนำเสนอไอเดียในการเดินสายเพิ่มเติมให้กับบ้านหรือคอนโดของเราซึ่งนอกจากจะ ได้ประโยชน์แล้ว ยังได้งานศิลปะสวยๆ อีกด้วยครับ 


7
5
1

6
9

12
14
13

คงได้ไอเดียสวยๆ สำหรับการเดินสายไฟสำหรับบ้านของเราแล้วละครับ 

เรียบเรียง : ฤทธิ์ษณะ น้อยกมล

ข้อมูล : decor.mthai.com




บทความอื่นๆน่าสนใจ
- วิธีเดินสายไฟ ให้กลายเป็นงานศิลปะตกแต่งบ้าน
- The Cubitat กล่องสี่เหลี่ยมเอนกประสงค์
- เจาะลึก 8 กลยุทธ์ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ฮ็อตฮิตของโลก
- เลือกคอนโดฯ ใกล้รถไฟฟ้า ให้ถูกฮวงจุ้ย
-
วางแผนระบบพลังงานภายในบ้าน สิ่งที่จำเป็นที่ต้องจัดเตรียมล่วงหน้า
- 5 Gadget สุดฮิตที่จะเนรมิตรบ้านให้เป็น Smart Home
- แก้ปัญหาพื้นที่เล็กๆบนคอนโด
- 9 จุด เตรียมบ้านรับหน้าฝน
- 5 ข้อห้ามลืม ออกแบบห้องน้ำแคบให้ดูกว้าง ใช้สะดวกสบาย
- วิธีการคำนวณค่าเช่าคอนโดเพื่อเพิ่มตอบแทน
- 6 วิธี ตกแต่งห้องน้ำให้สดใส มีชีวิตชีวา
- 10 ไอเท็มบนโต๊ะทำงานที่คุณควรจะมี
- 8 ยอดกลยุทธ์ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
- วิธีการตรวจรับห้องคอนโด อย่างง่าย
- ทุกวันนี้เราต้องเสียภาษีอะไรกันบ้าง
- ผ่อนสั้นหรือผ่อนยาว สำหรับซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียม อันไหนดีกว่ากัน
- สวนกระถาง สวนเล็กๆ ในบ้านให้ความสดใสให้กับชีวิต
- 10 ค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมสำหรับการซื้อบ้านและคอนโด

วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

วีธีเลือกซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียม สำหรับสาวโสด

     สำหรับผู้หญิงโสด ถ้าคิดจะซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียม จะมีวิธีในการเลือกซื้ออย่างไรให้ปลอดภัย วันนี้มีวิธีการเลือกซื้อบ้านหรือมาฝากครับ

http://www.bangkokfeliz.com/sukhumvit69-2/files/gallery/gallery06.jpg

วางแผน : วางแผนชีวิตให้ชัดเจน


   1. อย่างแรกต้องรู้ก่อนว่าจะซื้อในเมื่อไร อีก 1 เดือน หรือ1 ปี วางแผนให้ได้ช่วงเวลาที่ต้องการซื้อบ้านก่อน
   2. เลือกทำเลที่ต้องการจะอยู่ (เช่น อยากอยู่ตรงนี้เพราะใกล้ที่ทำงาน หรืออยากอยู่ตรงนี้เพราะใกล้กับญาติพี่น้อง)
   3. ตั้งงบประมาณไว้ในใจ ว่าเราจะมีงบในการซื้อบ้านเท่าไหร่
   4. จากนั้นก็วางแผนเส้นทาง หาโครงการบ้านที่น่าเชื่อถือ ให้ได้โครงการในใจ ควรเลือกหลายๆ โครงการเพื่อนำมาเปรียบเทียบ


การวิเคราะห์แต่ละโครงการที่เราสนใจจะซื้อ

  1.  ความปลอดภัย ระบบรักษาความปลอดภัยของทางโครงการ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ควรดูให้ดี
  2.  ราคา และขนาดของบ้าน
  3.  ทางสัญจรก่อนถึงโครงการ เช่นถนนมีไฟทางตลอดเส้นมั้ย ทางเปลี่ยวหรือไม่
  4.  สาธารณูปโภคใกล้จากโครงการ เช่น มีร้านอาหาร หรือร้านสะดวกซื้อออกไปใกล้จากโครงการหรือไม่

คำแนะนำเพิ่มเติม : ควรซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียม ที่มีขนาดที่เหมาะสมและความสามารถในการผ่อนชำระ

เมื่อเราวิเคราะห์ได้แล้วเราก็ต้อง ตัดสินใจเลือกซื้อบ้าน

 1.  ต้องตกลงเงื่อนไขกับทางโครงการให้ดีว่าเขามีอะไรให้เราบ้าง (แอร์, วอล์เปเปอร์,ของตกแต่ง) เป็นต้น
 2.  ถามเรื่องรักษาความปลอดภัยให้ดี ให้แน่ชัดว่าระบบรักษาการเป็นแบบไหน
 3.  อ่านสัญญาการเช่าซื้อให้ดี ให้ละเอียด


ขั้นตอนสุดท้าย การตรวจรับบ้านก่อนเข้าอยู่

 ตรวจ รับบ้าน หรือคอนโด : ขั้นตอนนี้ด้วยความที่เราเป็นผู้หญิง เรื่องการก่อสร้าง หรือระบบไฟฟ้าต่างๆ ภายในบ้านเราจะไม่ค่อยรู้ ควรหาเพื่อนที่ชำนาญเรื่องนี้มาเป็นที่ปรึกษา และเดินสำรวจไปพร้อมๆ กับเรา หรือถ้าเพื่อนไม่ถนัดในเรื่องนี้ ก็สามารถจ้างวิศวกรมาตรวจให้เราได้ ขั้นตอนนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะเราจะต้องอยู่ในบ้าน หรือคอนโดนี้ไปอีกนาน และด้วยความที่เราอยู่คนเดียวถ้าไม่ตรวจให้ดี ระบบไฟ หรือระบบอื่นๆ ในบ้านชำรุดเราจะลำบากเพราะด้วยความเป็นผู้หญิงเราจะซ่อมไม่เป็นนั้นเอง ดังนั้นควรตรวจให้ดีตั้งแต่แรกครับ

    แค่นี้การเลือก ซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมอยู่คนเดียว ของสาวโสดก็จะผ่านไปได้ด้วยดีแล้วและได้บ้านตามความต้องการแล้วละครับ


เรียบเรียง : ฤทธิ์ษณะ น้อยกมล
แหล่งข้อมูล : barrazine.com.br, www.culturalchemy.com, livinginwaco,decor.mthai.com




บทความอื่นๆน่าสนใจ
- วีธีเลือกซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียม สำหรับสาวโสด
- เทคนิคซ่อมแซมบ้านหรือคอนโดมิเนียมก่อนขายให้ได้ราคาดี
- ข้อควรรู้เรื่องพื้นไม้
- เสริม “ฮวงจุ้ย” ห้องนอนลูกรัก
- The Cubitat กล่องสี่เหลี่ยมเอนกประสงค์
- เจาะลึก 8 กลยุทธ์ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ฮ็อตฮิตของโลก
- เลือกคอนโดฯ ใกล้รถไฟฟ้า ให้ถูกฮวงจุ้ย
-
วางแผนระบบพลังงานภายในบ้าน สิ่งที่จำเป็นที่ต้องจัดเตรียมล่วงหน้า
- 5 Gadget สุดฮิตที่จะเนรมิตรบ้านให้เป็น Smart Home
- แก้ปัญหาพื้นที่เล็กๆบนคอนโด
- 9 จุด เตรียมบ้านรับหน้าฝน
- 5 ข้อห้ามลืม ออกแบบห้องน้ำแคบให้ดูกว้าง ใช้สะดวกสบาย
- วิธีการคำนวณค่าเช่าคอนโดเพื่อเพิ่มตอบแทน
- 6 วิธี ตกแต่งห้องน้ำให้สดใส มีชีวิตชีวา
- 10 ไอเท็มบนโต๊ะทำงานที่คุณควรจะมี
- 8 ยอดกลยุทธ์ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
- วิธีการตรวจรับห้องคอนโด อย่างง่าย
- ทุกวันนี้เราต้องเสียภาษีอะไรกันบ้าง

วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เทคนิคซ่อมแซมบ้านหรือคอนโดมิเนียมก่อนขายให้ได้ราคาดี

     เมื่อวันเวลาเปลี่ยน ชีวิตเปลี่ยน ไม่เว้นแม้แต่ บ้านหรือคอนโดมิเนียม ของเรา ที่ต้องขายไปเพื่อความเหมาะสมของพื้นที่ใช้สอย หรือ ทำเลที่ตั้งที่เหมาะสมของการทำงานหรือความสะดวกในการคมนาคม

ไม่ ว่าใครที่กำลังขายบ้านหรือคอนโดมิเนียมย่อมต้องอยากขายบ้านหรือคอนโดมิเนียม ให้เร็วที่สุดและราคาดีที่สุดไปพร้อมๆ กัน แต่ไม่ว่าอย่างไรการขายบ้านหรือคอนโดมิเนียม ย่อมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นทำเลที่กำลังเป็นที่นิยมหรือ สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการอยู่อาศัย ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่อีกสิ่งที่จะช่วยทำให้บ้านหรือคอนโดมิเนียมขายได้ราคา และเป็นสิ่งที่สามารถลงมือทำเองได้คือ “การปรับปรุงซ่อมแซมก่อนขาย” ที่หลายคนชอบมองข้ามเรื่องนี้ไป ซึ่งคงไม่มีใครอยากจะซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมที่มีตำหนิหรือหากลูกค้าสนใจ ก็จะถูกต่อรองจนราคาต่ำวันนี้  CMC Group ขอแนะนำเทคนิคในการซ่อมแซมบ้านหรือคอนโดมิเนียมเพื่อให้ขายได้ราคาดังนี้

     1. สภาพภายนอกน่ามอง ความประทับใจแรกของผู้มาซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมคือสภาพหน้าบ้านที่น่ามอง ตรวจดูสภาพโดยรอบว่าสีภายนอกหลุดล่อนหรือซีดจนไม่น่ามองหรือไม่ ควรทาสีให้ใหม่และดูดี เพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้ซื้อเมื่อเข้ามาชมบ้านหรือคอนโดมิเนียม

     2. ปรับปรุงห้องครัว นับว่าเป็นห้องที่มีการใช้งานหนักที่สุดของบ้านหรือคอนโดมิเนียมก็ว่าได้ เพราะทุกบ้านหรือคอนโดมิเนียมก็ต้องทำกับข้าว เตรียมอาหารกันในห้องนี้ซึ่งต้องมีการเลอะเทอะหรือบางทีอาจจะมีกลิ่นไม่พึง ประสงค์ติดอยู่ด้วย เช่น คราบน้ำมันตามผนังหรือร่องรอยการชำรุดทรุดโทรมจากการใช้งาน ดังนั้นห้องครัวจึงเป็นอันดับต้นๆที่เจ้าของบ้านหรือคอนโดมิเนียมควรปรับ ปรุงให้อยู่ในสภาพการใช้งานที่ดี เช่น อ่างล้างจาน, ท่อระบายน้ำ เป็นต้น

     3. ตกแต่งห้องน้ำ ห้องน้ำเองก็ถือเป็นห้องสำคัญสำหรับสมาชิกภายในบ้านหรือคอนโดมิเนียม ที่ต้องมีการใช้งานกันอยู่ทุกวัน การตกแต่งห้องน้ำให้มีชีวิตชีวาและน่าใช้จะเป็นอีกจุดหนึ่งที่ช่วยให้สร้าง ความประทับให้กับผู้ซื้อมากขึ้น แต่ควรเป็นการตกแต่งเล็กๆน้อยๆ ให้ห้องน้ำดูไม่เก่าและจืดชืดจนเกินไป เช่น ทาสีให้ดูใหม่, วางต้นไม้สีเขียว หรือการวางน้ำยาดับกลิ่นไว้ในห้องน้ำก็จะช่วยให้ห้องน้ำมีชีวิตชีวามากยิ่ง ขึ้น

     4. เน้นซ่อม ไม่เน้นเปลี่ยน หลายสิ่งในบ้านหรือคอนโดมิเนียมแม้จะมีสภาพทรุดโทรมไม่น่ามอง แต่วิธีที่ดีที่สุดคือการ “ซ่อม” ไม่ใช่การ “เปลี่ยน” เพราะท่านแค่ต้องการซ่อมเพื่อให้มันดูดีเท่านั้น แต่ไม่ใช่การเปลี่ยนใหม่ที่เพิ่มภาระค่าใช้จ่ายขึ้นมา เพราะดีไม่ดีแม้จะสามารถขายบ้านหรือคอนโดมิเนียมได้ราคาสูงขึ้น แต่ก็ยังได้กำไรน้อยอยู่ดีเพราะหมดไปกับค่าซ่อมแซมนั่นเอง

     5. ทิ้งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ชำรุด บางคนอาจจะมองว่าไหนๆ ก็จะขายบ้านหรือคอนโดมิเนียมแล้ว แถมเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าๆไปกับบ้านหรือคอนโดมิเนียมด้วยก็ไม่เสียหายอะไร แต่จริงๆ แล้วนี่จะเป็นตัวกดราคาบ้านหรือคอนโดมิเนียมของให้ดูถูกลง เพราะของชำรุดที่แทบใช้งานไม่ได้ก็ไม่ต่างอะไรกับขยะชิ้นหนึ่งที่เก็บไว้ใน บ้าน

     6. ตรวจสอบระบบประปา ไฟฟ้า เป็นเรื่องพื้นฐานของบ้านหรือคอนโดมิเนียมทุกหลังที่ต้องมีการใช้งานไฟฟ้า และประปา และจะสังเกตุได้ว่าทุกครั้งที่ผู้ซื้อเข้ามาดูบ้านหรือคอนโดมิเนียม ก็มักจะเปิดไฟและเปิดก๊อกน้ำเพื่อทดสอบดูว่าใช้งานได้หรือไม่ ดังนั้นต้องมั่นใจว่าไฟฟ้าและประปายังใช้งานได้เสมอ และไม่มีเหตุขัดข้อง เช่น ไฟไม่ติด, น้ำรั่ว หรือน้ำไม่ไหล เพราะแน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากซื้อบ้านที่ไฟเปิดไม่ติด น้ำไม่ไหลหรือซื้อไปแล้วต้องคอยตามซ่อมแซมเอง

     7. อย่าแต่งบ้านให้มีเอกาลักษณ์เฉพาะตัวจนเกินไป แม้จะชื่นชอบการแต่งบ้านในสไตล์ของตัวเองมากแค่ไหน แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องขายบ้าน ก็ต้องปรับเปลี่ยนบ้านให้อยู่ในสภาพกลางๆมากที่สุด เช่น เดิมท่านแต่งบ้านในสไตล์ vintage หรือ country แต่ผู้ซื้อบ้านอาจจะไม่ได้ชอบตามเสมอไป บางคนอาจจะคิดว่าทำให้บ้านดูเก่าๆซีดๆ ไม่ได้ถูกใจมากเท่าไหร่นัก ดังนั้นเมื่อท่านต้องขายบ้านทิ้ง ก็ควรจะนำเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งออกไปด้วย แม้จะมีว่าบ้านหลังหนึ่งต้องซ่อมแซมอย่างมากมายก่อนขายบ้าน แต่สิ่งหนึ่งที่ท่านต้องคำนึงอยู่เสมอคือ เงินทุกๆบาทที่เสียไปกับการซ่อมแซม จะต้องสามารถเพิ่มเป็นราคาขายให้ได้มากที่สุด และควรหาซ่อมด้วยงบที่น้อยที่สุด เพื่อให้ได้มาซึ่งราคาที่เพิ่มขึ้นมากที่สุด และเมื่อนั้นจะทำให้ท่านสามารถขายบ้านได้เร็วขึ้นและได้ราคาที่มากขึ้นตามไป ด้วยนั่นเอง


เรียบเรียง : ฤทธิ์ษณะ น้อยกมล
ข้อมูล : TerraBKK.com / google.co.th



บทความอื่นๆน่าสนใจ
- เทคนิคซ่อมแซมบ้านหรือคอนโดมิเนียมก่อนขายให้ได้ราคาดี
- ข้อควรรู้เรื่องพื้นไม้
- เสริม “ฮวงจุ้ย” ห้องนอนลูกรัก
- The Cubitat กล่องสี่เหลี่ยมเอนกประสงค์
- เจาะลึก 8 กลยุทธ์ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ฮ็อตฮิตของโลก
- เลือกคอนโดฯ ใกล้รถไฟฟ้า ให้ถูกฮวงจุ้ย
-
วางแผนระบบพลังงานภายในบ้าน สิ่งที่จำเป็นที่ต้องจัดเตรียมล่วงหน้า
- 5 Gadget สุดฮิตที่จะเนรมิตรบ้านให้เป็น Smart Home
- แก้ปัญหาพื้นที่เล็กๆบนคอนโด
- 9 จุด เตรียมบ้านรับหน้าฝน
- 5 ข้อห้ามลืม ออกแบบห้องน้ำแคบให้ดูกว้าง ใช้สะดวกสบาย
- วิธีการคำนวณค่าเช่าคอนโดเพื่อเพิ่มตอบแทน
- 6 วิธี ตกแต่งห้องน้ำให้สดใส มีชีวิตชีวา
- 10 ไอเท็มบนโต๊ะทำงานที่คุณควรจะมี
- 8 ยอดกลยุทธ์ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
- วิธีการตรวจรับห้องคอนโด อย่างง่าย
- ทุกวันนี้เราต้องเสียภาษีอะไรกันบ้าง